เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ในนาข้าว

10353 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ในนาข้าว

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล (Brown Planthopper)

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเป็นแมลงปากดูด ตัวเต็มวัยมีขนาดยาวประมาณ 3 มม. กว้าง 1 มม.ลำตัวมีสีน้ำตาลจนถึงสีน้ำตาล ปนดำ มีรูปร่าง 2 ลักษณะ คือ ชนิดปีกยาว (macropterous form)  และชนิดปีกสั้น (brachyterous form) ตัวเมียมีขนาดโตกว่าตัวผู้ ตัวเมียชนิดปีกยาวสามารถวางไข่ได้ 100 ฟอง ตัวเมียปีกชนิดสั้นสามารถวางไข่ได้ 300 ฟอง ในช่วงชีวิต 2 สัปดาห์ ของการเป็นตัวเต็ม โดยวางไข่เป็นกลุ่มเรียงแถวที่เส้นกลางใบหรือกาบใบ กลุ่มละประมาณ 8-10 ฟอง  ซึ่งมองเห็นเป็นรอยช้ำสีน้ำตาลตรงบริเวณที่วางไข่ ดังกล่าวนั้น ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนภายใน 7 - 9 วัน ตัวอ่อนลอกคราบ 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 13 - 17 วัน เพื่อเป็นตัวเต็มวัย ตัวเมียมีตัวเมียมีอายุเฉลี่ย 15 วัน ส่วนตัวผู้มีอายุเฉลี่ยประมาณ 13 วัน  ตัวเต็มวัยชนิดปีกสั้นบินไม่ได้จะอาศัยอยู่ในแปลงดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นข้าวและขยายพันธุ์ ส่วนพวกปีกยาวสามารถบินอพยพออกจากแปลงนาได้

ลักษณะการเข้าทำลาย

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลสามารถทำลายต้นข้าวในทุกระยะของการเจริญเติบโต เช่นระยะกล้า ระยะแตกกอ ระยะออกรวงตั้งแต่ตัวอ่อนจนถึงตัวเต็มวัยสามารถทำลายต้นข้าวได้อย่างรุนแรง โดยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นข้าว ทำให้ต้นข้าวมีอาการใบเหลืองเหี่ยวแล้ว แห้งเป็นสีน้ำตาลแก่คล้ายน้ำร้อนลวกที่เรียกว่าhopper burn ต้นกล้า และต้นข้าวที่กำลังแตกกอที่ถูกทำลายจะแห้งตาย ต้นข้าวที่ออกรวงแล้วจะมีเมล็ดไม่สมบูรณ์และมีน้ำหนักเบา ล้มง่ายประชากรเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลพบมากในพันธุ์ข้าวที่ต้นเตี้ยและแตกกอมาก เนื่องจากมีจำนวนต้นข้าวให้แมลงดูดกินมาก และจะระบาดรุนแรงในระหว่างเดือนที่มีอากาศร้อ ความชื้นสูงเช่นเดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม นอกจาการทำลายข้าวโดยตรงแล้ว แมลงชนิดนี้ยังเป็นพาหะนำโรคใบหงิก (ragged stunt) และโรคเขียวเตี้ย (grassy stunt) มาสู่ต้นข้าว เป็นสาเหตุทำให้ผลผลิตข้าวลดลงอย่างมาก

แนวทางการป้องกันกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

1. ปลูกข้าวพันธุ์ต้านทาน เช่น กข 6 กข 31 กข 41 กข 47 สุพรรณบุรี 2 สุพรรณบุรี 3 สุพรรณบุรี 90 พิษณุโลก 2 และไม่ควรปลูกพันธุ์เดียวติดต่อกันเกิน 4 ฤดูปลูก ควรปลูกสลับกันระหว่างพันธุ์ต้านทานสูง  กับพันธู์ต้านทานสูง  กับพันธุ์ทนทานหรือพันธุ์อ่อนแอปานกลางโดยพิจารณาอายุเก็บเกี่ยวให้ใกล้เคียงกันเพื่อลดความเสียหายเมื่อเกิดการระบาดรุนแรง
2. สำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำองค์ประกอบต่างๆ ของระบบนิเวศในแปลงนานำมาวิเคราะห์ ตัดสินใจด้วยตนเองในการจัดการแปลงจากสถานการณ์จริง
3. ในแหล่งที่มีการระบาดและควบคุมระดับน้ำในนาได้หลังปักดำหรือหว่าน 2 - 3 สัปดาห์จนถึงระยะตั้งท้องควบคุมน้ำในแปลงนาให้พอดินเปียกหรือมีน้ำเรี่ยผิวดินนาน 7-10 วัน แล้วปล่อยขังทิ้งไว้ให้แห้งเองสลับกันไป จะช่วยลดการระบาดได้
4. ใช้เชื้อราบิวเวอเรีย (เชื้อสด) อัตรา 1 กก. (2 ถุง)ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในบริเวณที่พบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและควรฉีดพ่นในเวลาเย็น

สารเคมีที่แนะนำให้ใช้ในการกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

1. ข้าวระยะกล้าถึงแตกกอ (อายุ 30 - 45 วัน)
  - บูโพรเฟซิน 25 % WP 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
  - บูโพรเฟซิน 10 % WP 25 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
  - บูโพรเฟซิน 5 % WP + ไอโซโปรคาร์บ 20 % WP 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
2. ข้าวระยะแตกกอเต็มที่
   - อีโทเฟนพร็อกซ์ 10 % EC 20 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
   - อีโทเฟนพร็อกซ์ 5 % EC 40 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
   - คาร์โบซัลเฟน 20 % EC 110 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
   - ฟีโนบูคาร์บ 50 % EC 60 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
   - ไฮโซโปรคาร์บ 50 % WP 60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
3. ข้าวระยะตั้งท้องถึงออกรวง
   - ไดโนทีฟูแรน 10 % WP 15 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
   - ไทอะมิโทแซม 25 % WG 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
   - โคลไทอะนิดิน 16 % 6-9 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
   - อิมิดาโคลพริด 10 % SL 15 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
   - อีทีโพรล 10 % SC 50 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร
 
ที่มา : กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย



บูโพรเฟซิน 40% 380คานอน 1000cc. 450เดลทริน 2.5% ขนาด 1 ลิตร 420ไดโนทีฟูแรน 20% ( 100g ) 175 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้